วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เชื่อหรือไม่..สวดมนต์เพียงไม่กี่นาที เราบำเพ็ญบารมีครบทั้ง 10 ทัศ

สาวกภูมิมีบารมี 10 ทัศ ส่วนบารมี 30 ทัศ มีในพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์


ขณะที่เราสวดมนต์เราสละเวลาทำความดี นอบน้อมถึงพระรัตนตรัยใจมีอภัยทานไม่ถือโกรธนับเป็นทานทางใจ ถือเป็น ทานบารมี


ขณะที่เราสวดมนต์ เราปราศจากความเบียดเบียนทั้งตนเองและสรรพสัตว์ไม่ได้ทำสิ่งที่ไม่ดีหรือทำบาปกับใคร ถือเป็น ศีลบารมี


ขณะที่เราสวดมนต์ จิตปราศจากกำหนัดราคะ วางภาระห่วงกังวลในทรัพย์และญาติตั้งอยู่ในพรหมจรรย์ ถือเป็น เนกขัมมะบารมี


ขณะที่เราสวดมนต์ เราทำด้วยความเห็นให้ตรง จึงเกิดสติและมีสมาธิ มีธรรมเกิดขึ้นคือปัญญาเห็นมรรคผลถือเป็น ปัญญาบารมี


ขณะที่เราสวดมนต์ เรามีมานะบากบั่นด้วยกาย วาจาและใจ นอบน้อมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และคุณพระรัตนตรัยถือเป็น วิริยะบารมี


ขณะที่เราสวดมนต์ เรามีขันติ อดกลั้น เรามีความอดทนสวดสาธยายมนต์ไม่ถอดใจไม่ละวางเสียกลางคัน ถือเป็น ขันติบารมี


ขณะที่เราสวดมนต์ เราเปล่งเสียงบทสวดสาธยายมนต์รักษาพุทธวัจนะตามความเป็นจริงด้วยจิตซื่อตรง ถือเป็น สัจจะบารมี


เมื่อสวดมนต์เสร็จ กรวดน้ำ ตั้งความปรารถนาโดยชอบตั้งจิตอธิฐานปรารถนาสุขมีคติถึงพระนิพพาน ถือเป็น อธิษฐานบารมี


เมื่อสวดมนต์เสร็จ กรวดน้ำ หรือ แผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล การมอบความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ ถือเป็น เมตตาบารมี


เมื่อสวดมนต์เราวางเฉยต่ออุตุ เย็น ร้อน ทุกข์ทางสังขารนา ๆ ทั้งวางเฉยต่ออกุศล ทำจิตให้ตรงโดยธรรมถือเป็น อุเบกขาบารมี


พระศุภกิจ ปภัสฺสโร ชำระเรียบเรียง.
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิธีดูว่าฝันจริงหรือฝันหลอก

ถาม : เคยมีปรากฎการณ์ของความฝัน จะได้เห็นเหตุการณ์จริงล่วงหน้าก่อน เป็นระยะๆ ความฝันในลักษณะนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ ?
ตอบ: เกิดขึ้นจาก ที่เราเคยได้ทิพยจักษุญาณมาในชาติก่อน เมื่อถึงวาระถึงเวลา สภาพจิตที่มันพักผ่อน พอดีพอเหมาะพอควรของมันแล้ว มันก็จะสามารถที่จะรับภาพต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบันหรืออนาคตก็ตาม ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากทิพยจักษุญาณ มันอ่อนหน่อย มันจะอยู่สภาพเหมือนกับฝันเห็น โบราณเรียกว่านิมิต ฉะนั้นคนที่ฝันในลักษณะนี้ อย่างน้อยอดีตต้องเคยทำทิพยจักษุญาณ มาคล่องตัวทีเดียวแหละ


ถาม : แล้วมีการฝันต่อ ?
ตอบ: มีจ้ะ อาตมาก็เคยฝันต่อ แล้วเป็นฝันที่จี้มากด้วย ตอนนั้นห้างไดมารูราชประสงค์ยังมีอยู่ ฝันว่าไปเจอสาวคนหนึ่งตรงนั้น แล้วคุยกันถูกคอมากเลย เพราะว่าคุยกันเรื่องปฏิบัติเหมือนกัน
แล้วหลังจากนั้น อีกตั้งหลายเดือน ไปเจอเขาใหม่ มันก็เหมือนกับว่า เราเพิ่งไปเจอเขา แต่จำเรื่องเก่าได้ มีการท้าวความหลังกัน แล้วคุยต่ออีกต่างหาก ลักษณะนี้นิมิตแน่ๆ เลยไม่ใช่ฝัน


ถาม : แล้วความฝันที่เราจะรู้ว่า อันนี้เป็นความฝันที่แท้จริง กับเป็นความฝันที่หลอก
ตอบ: หลอกและแท้จริงนี่ไม่ได้คือว่าฝันมี ๔ อย่าง คือ ธาตุวิปริต กรรมนิมิต จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ นะจ๊ะ ธาตุวิปริตนี่ประเภท กินมาก ท้องไส้ไม่ดี ก็เลยฝันมั่วไปด้วย กรรมนิมิต กรรมดีกรรมชั่ว ที่เราทำมาแสดงให้รู้ จิตนิวรณ์ เก็บความฟุ้งซ่านตอนกลางวัน ไปฝันตอนกลางคืน เทพสังหรณ์ เทวดาท่านสงเคราะห์ให้
แล้วคราวนี้ฝันจริงๆ ของเราที่ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นกรรมนิมิต หรือเทพสังหรณ์ ดังนั้น ฝันจริงหรือฝันหลอก ให้สังเกตให้ได้ว่า ถ้าหากว่าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกรรมนิมิต หรือเทพสังหรณ์ เพราะจิตของเราที่ฟุ้งซ่านมาทั้งวัน ผ่านการพักผ่อนมาครึ่งค่อนคืน มันเกิดความสงบขึ้น เหมือนกับน้ำขุ่น พอมันนิ่งพอที่จะใสขึ้น จนกระทั่งมองเห็นเงาได้ มันก็เริ่มสะท้อนภาพให้เห็น ดังนั้น ถ้าหากว่าฝันหลังเที่ยงคืนไปแล้ว หรือหลังตีสองไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นตามนั้นจ้ะ


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนมกราคม ๒๕๔๖(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ