อโหสิกรรม
คำว่า อโหสิกรรม มาจากคำ ๒ คำ คือ
อโหสิ เป็นคำภาษาบาลีแปลว่า “ได้มีแล้ว” หมายความว่า ได้ให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว
กับคำว่า กรฺม ซึ่งเป็นคำภาษาสันสกฤต แปลว่า“การกระทำ”หมายถึงการกระทำที่มีเจตนา
อโหสิกรรม แปลรวมกันว่า กรรมที่ไม่ส่งผลแก่ผู้กระทำกรรมอีกต่อไป
ตามหลักพระพุทธศาสนาบุคคลที่ทำกรรมดีหรือกรรมชั่วโดยมีเจตนาในการทำกรรมนั้นจะต้องได้รับผลกรรมตามสมควรแก่การกระทำของตนคนที่ทำร้ายผู้อื่นคนที่คดโกงหรือฉ้อราษฎร์บังหลวงก็จะได้รับผลกรรมนั้น
เช่น ตนเองได้รับโทษถูกจำคุกหรือลูกหลานประสบเคราะห์ร้ายต่าง ๆทำให้ตนต้องเสียใจทุกข์ทรมานเพราะการสูญเสียหรือแม้ไม่ได้รับกรรมในชาตินี้ กรรมก็จะติดตามไปส่งผลในชาติหน้า
แต่กรรมที่ทำไว้นั้นถ้าเป็นกรรมเบาอาจจะไม่ส่งผลก็ได้หากทำให้กรรมนั้นเป็นอโหสิกรรมวิธีทำกรรมให้เป็นอโหสิกรรมวิธีหนึ่งคือการยกโทษให้เช่นเมื่อเราประพฤติล่วงเกินผู้อื่นด้วยกาย วาจา หรือใจแล้วไปขอให้ผู้ที่เราประพฤติล่วงเกินยกโทษให้เมื่อท่านยกโทษให้แล้วก็ถือว่ากรรมนั้นเป็นอโหสิกรรมไม่ให้ผลอีกต่อไปทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
ในภาษาไทยคำว่า “อโหสิกรรม” จึงกลายมามีความหมายว่า การเลิกแล้วต่อกัน การไม่เอาโทษกันการเลิกจองเวรกันในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธเมื่อได้ประพฤติล่วงเกินผู้อื่น ก็ควรขอให้ผู้นั้นยกโทษให้และในทำนองเดียวกันหากมีผู้มาขออโหสิกรรมจากเรา ก็ควรยกโทษให้ไม่อาฆาต พยาบาท จองเวรกันเมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้ก็จะก่อให้เกิดความรักใคร่กันและอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
การที่เราประพฤติล่วงเกินผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา หรือใจเราจะต้องรับกรรมนั้น อาจจะในชาตินี้หรือชาติหน้าแต่ถ้าเราทำกรรมนั้นให้เป็น “อโหสิกรรม” คือขอให้ผู้ถูกล่วงเกินนั้นยกโทษให้ กรรมนั้นก็จะสิ้นผล เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่หมดสิ้นเชื้อชีวิตแล้วไม่อาจเพาะขึ้นเป็นต้นไม้ได้อีก
มีเรื่องเล่าไว้ในอรรถกถาธรรมบทว่ามีบุตรชายของเศรษฐีคนหนึ่งอยู่ในเมืองโสเรยฺยนครได้เดินทางไปเมืองสาวัตถี และได้พบพระมหากัจจายนเถระพระอรหันต์ที่สำคัญองค์หนึ่งในพระพุทธศาสนาพระมหากัจจายนเถระเป็นผู้มีรูปโฉมงดงามมากบุตรชายของเศรษฐีนั้นเห็นท่านแล้วเกิดอกุศลจิตคิดว่า “ภรรยาของเราควรจะมีผิวพรรณงดงามเช่นพระเถระนี้” การล่วงเกินต่อพระอรหันต์เช่นนี้ ทำให้ได้รับกรรมทันตาเห็นคือกลายร่างเป็นหญิงไปในทันที
บุตรชายเศรษฐีรู้สึกละอายมากที่ร่างกายกลายเป็นหญิงจึงไม่ยอมกลับบ้านเมืองและไปอาศัยอยู่ที่เมืองตักกสิลาจนกระทั่งได้แต่งงานกับชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรเศรษฐีในเมืองตักกสิลาและมีบุตรด้วยกัน
ต่อมาเขาได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่เดินทางมาจากเมืองสาวัตถีเขาจึงเล่าเรื่องราวให้เพื่อนฟังว่าเหตุใดจึงมีร่างกายเป็นหญิงเพื่อนผู้นั้นแนะนำว่าให้ไปขอขมาต่อพระมหากัจจายนะเขาจึงได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเพื่อนเมื่อพระมหากัจจายนเถระทรงทราบเช่นนั้นก็ยกโทษให้กรรมที่เคยล่วงเกินท่านก็เป็นอโหสิกรรมคือสิ้นผลบุตรของเศรษฐีผู้นั้นก็หมดกรรม และกลับมีร่างกายเป็นชายเช่นเดิม
คัดลอกจาก: http://dhammathai.org/webboard/view.php?No=2021
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น